โพสต์โดย : Admin เมื่อ 26 พ.ย. 2558 10:28:30 น. เข้าชม 978 ครั้ง แจ้งลบ
ราชันชุดขาวที่นำห่างถึง 0-4 แต่ไปผ่อนเกมปล่อยให้เจ้าบ้านไล่กลับมา 3 ประตูรวด ทำเสียวท้ายเกมแต่ก็เพียงพอต่อสามแต้มสำคัญให้ทีมเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม
มีร์เซีย ลูเชสคู กุนซือของชัคเตอร์ โดเน็ทส์คเจ้าบ้านจะไม่สามารถใช้งาน ดาริโย เซอร์น่าและโอเล็กซานเดอร์ คูเชอร์ได้เนื่องจากติดโทษแบน ทำให้โอกาสตกไปถึงวาซิล โคบินกับอิวาน ออเด็ทซ์ โดยมีอเล็กซ์ เตเชร่าเป็นเพลเมกเกอร์ของทีม สถานกาณ์ของโดเน็ทส์คนั้นมีเพียงแค่ 3 แต้มจาก 4 เกม ชัยชนะวันนี้จึงน่าจะไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบน็อคเอ้าท์แล้ว แต่ยังต้องแย่งอันดับสามกับมัลโม่ เอฟเอฟอยู่
ทางด้านเรอัล มาดริด วันนี้เปลี่ยนผู้เล่นจากแมทช์ที่แพ้ให้กับบาร์เซโลน่าในศึกเอล กลาซิโก้ถึง 7 คน โดยเซร์คิโอ้ รามอสกับมาร์เซโล่นั้นมีอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงเล่นได้ เคย์เลอร์ นาบาสถูกดร็อปเปิดโอกาสให้กับกิโก้ กาซิย่า รวมไปถึงอิสโก้ที่ได้โอกาสแทนคาริม เบนเซม่า แต่ยังคงนำทัพโดยคริสติอาโน่ โรนัลโด้และแกเร็ธ เบลเช่นเดิม ทีมราชันชุดขาวอยู่อันดับหนึ่งของกลุ่ม A ด้วย 10 คะแนนในมือ ชัยชนะวันนี้จะการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายรวมไปถึงตำแหน่งแชมป์กลุ่ม
เริ่มเกมในช่วงแรกเป็นทีมเยือนที่ครองบอลเข้าทำได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโอกาสจากโรนัลโด้ที่รับบอลต่อมาจากลูก้า โมดริชแต่ปิดสกอร์ไม่ลง พลาดโอกาสขึ้นนำไปในช่วงต้นเกม จากนั้นเกมก็เริ่มสูสีกันมากขึ้นโดยเจ้าบ้านเริ่ครองบอลในแดนกลางได้บ้าง แต่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้
จนนาทีที่ 18 ทีมเยือนก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่โมดริชชิปบอลมาทางด้านซ้ายให้แกเร็ธ เบล ก่อนดาวเตะเวลส์จะเปิดไปให้โดนัลโด้ที่เสาไกลใช้ศรีษะโห่มงบอลที่กระดอนพื้นเข้าประตูไป มาดริดนำ 1-0
นาทีที่ 33 ราฟา เบนิเตซไม่สามารถใช้งานราฟาเอล วารานได้ต่อเนื่องจากอาการบาดเจ็บจากจังหวะโดนปะทะจากกาซิย่าที่ออกมาชกบอล โดยทีมเยือนส่งดานิโล่ลงมาเล่นแทน เกมดำเนินต่อไปไม่มีจังหวะน่าสนใจมากนักก่อนจะหมดเวลาในครึ่งแรก ชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค 0 เรอัล มาดริด 1
ครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 5 นาที มาดริดก็นำห่างเป็น 2 ประตูต่อ 0 จากจังหวะบอลที่เปิดข้ามมาจากด้านหลังให้โรนัลโด้รับบอลที่ด้านขวาของกรอบเขตโทษ ล็อคหลบกองหลังหนึ่งทีก่อนจะป้ายเข้าในต่อให้โมดริชที่เติมขึ้นมาแปบอลเข้าไป
ถัดมานาทีที่ 52 สกอร์เปลี่ยนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โดยเป็นโรนัลโด้อีกครั้งที่ได้บอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนลากเข้ามาส่งต่อให้แดเนี่ยล คาบาฆาลที่เติมขึ้นมาล็อคบอลกลับก่อนปั่นด้วยเท้าซ้ายจากเส้นเขตโทษด้านขวา บอลโค้งข้ามศรีษะนายทวารปายตอฟเข้าไปอย่างสวยงาม ทีมเยือนบุกมานำ 0-3
แกเร็ธ เบลสะสมได้อีกหนึ่งแอสซิสต์ในเกมวันนี้ หลังจากเปิดบอลที่ลากไปจนสุดเส้นหลังก่อนตวัดกลับเข้ามาในกรอบเขตโทษให้โรนัลโด้ยิงจากบริเวณหน้ากรอบ 6 หลาไปติดกองหลังของชัคเตอร์ ก่อนที่ยอดแข้งชาวโปรตุเกสจะตามซ้ำจ่อๆ ไม่มีเหลือ มาดริดหนีไปไกลด้วยสกอร์ 0-4 ในนาทีที่ 70
เจ้าบ้านมาได้ประตูตีไข่แตกจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 78 จากเหตุการณ์ที่ไทสันลากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนเอาตัวบังบอลแล้วแตะบอลลอดขาผ่านคาเซมิโร่ไปได้แต่ถูกเตะจากด้านหลัง อเล็กซ์ เตเชร่ารับหน้าที่สังหารเข้าไปที่มุมล่างซ้ายของประตู ชัคเตอร์ตามมาห่างๆ 1-4
ราชันชุดขาวเสียประตูอีกครั้ง นาทีที่ 83 เจ้าบ้านได้ลูกเตะมุม แบร์นาร์ดเปิดบอลมาที่เสาแรกโดยมีผู้เล่นชัคเตอร์ขึ้นโหม่งก่อนบอลเปลี่ยนทางเล็กน้อยมาที่เสาสอง เดนตินโญ่ใช้อกกระแทกบอลเข้าประตูไป ยอดทีมของยูเครนไล่มาให้เกมเริ่มคึกคัก 2 ประตูต่อ 4
ชักไม่แน่แล้ว หลังสกอร์เปลี่ยนเป็น 3-4 จากการทำประตูของอเล็กซ์ เตเชร่าอีกครั้ง จากจังหวะรับบอลจากไทสันที่ลากมาทางกราบซ้ายก่อนป้ายเข้าเขตโทษให้กัปตันทีมของโดเน็ทส์คแปบอลเรียดเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามในนาทีที่ 89
อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านไล่ไม่ทัน พ่ายไปด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 4 ส่งผลให้เรอัล มาดริดเข้ารอบฐานะแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้วเนื่องจากเฮดทูเฮดดีกว่าปารีส แซงต์ แชร์กแมง ส่วนชัคเตอร์ โดเน็ทส์ครอเล่นนัดสุดท้ายเพื่อรักษาอันดับสามไปเล่นยูโรป้าลีกต่อไป