โพสต์โดย : Admin เมื่อ 25 พ.ย. 2558 05:09:18 น. เข้าชม 915 ครั้ง แจ้งลบ
เชลซีเรียกความมั่นใจคืนมาได้อีกขั้น หลังบุกไปอัดมัคคาบี้ เทล อาวีฟถึงอิสราเอล 4-0 ทำคะแนนเพิ่มเป็น 10 คะแนนเท่ากับปอร์โต้ โอกาสเข้ารอบน็อคเอ้าท์ยังเปิดกว้าง รอลุ้นกันต่อในนัดสุด...
ทีมเจ้าบ้านของกุนซือ สลาวิซ่า โยคาโนวิชเปลี่ยนผู้ล่นจากชุดที่เอาชนะฮาโปเอล ไฮฟา ในเกมลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถึง 5 คน ได้แก่ อีลาซ่าร์ ดาซา, ทาล เบน ฮาอิม, ออมรี เบน ฮารัช, ดอร์ เปเร็ทซ์ และทาล เบน ชาอิม ที่ได้กลับสู่ทีมอีกครั้ง โดยสถานการณ์ของทีมจากอิสราเอลในกลุ่ม G นั้นยังไม่มีคะแนนเลยจาก 4 เกมที่ลงเล่น แพ้รวดทั้ง 4 นัด ทำให้เกมคืนนี้มีความมหมายพอมสควรหากหวังทำแต้มแย่งอันดับสามกับดินาโม เคียฟไปเล่นยูโรป้า ลีก
ส่วนทางด้านเชลซีของโชเซ่ มูรินโญ่ที่อยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม วันนี้จัดการใส่ชื่อเซซ่า อัซปิลลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิล, บาบ้า ราห์มันและออสก้า กลับมาอยู๋ในรายชื่อ 11 ตัวจริงอีกครั้ง นับเป็นการเปลี่ยนแปลง 4 ตำแหน่งจากเกมเฉือนเอาชนะกับนอริช 1-0 เมื่อคืนวันเสาร์ ซึ่งหากเชลซีเก็บสามคะแนนได้ในคืนนี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสการันตีการเข้ารอบน็อคเอ้าท์ขึ้นไปอีก
เริ่มเกมเป็นเจ้าบ้านที่มีโอกาสก่อนจากเปเร็ทซ์ที่น่าจะหางานให้เบโกวิชตั้งแต่นาทีที่ 2 ของเกมแต่ลูกโหม่งของเจ้าตัวกลับหลุกออกนอกกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นเกมไม่ค่อยมีจังหวะหวือหวาสักเท่าไร เพราะกมหยุดบ่อยเพราะฟาวล์กันไปมาหลายครั้ง
นาทีที่ 20 เชลซีก็มาได้ประตูจังหวะที่วิลเลี่ยนเปิดลูกเตะมุมเข้ามาที่บริเวณแถวๆ กรอบหกหลา เป็นแกรี่ เคฮิลที่แย่งโหม่งชนะดาซา แต่ไปติดผู้รักษาประตูราจโควิช บอลตกมาเข้าทางเคฮิลตามซ้ำตุงตาข่าย ทีมเยือนขึ้นนำ 1 ประตูต่อ 0
เป็นการโคจรกลับมาพบต้นสังกัดเก่าที่ไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับ ทาล เบน ฮาอิม ที่มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 40 จากการที่ไปตามหวดดิเอโก้ คอสต้าเข้าบริเวณหน้าแข้งจากจังหวะต่อเนื่องติดพันยื้นกันไปมาก่อนหน้านั้น เทล อาวีฟเหลือ 10 คนก่อนสกอร์ในครึ่งแรกจะจบลงที่ 0 ประตูต่อ 1
เข้าสู่เกมในครึ่งหลังเป็นเชลซีที่ลงไปแพ็คเกมในช่วงต้นเกมปล่อยให้เจ้าถิ่นที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่าครองบอลทำเกมเป็นส่วนใหญ่ โดยยังไม่ค่อยมีจังหวะให้ได้ลุ้นกันสักเท่าไรนัก
นาที่ 69 เชลซีเปลี่ยนเอาเอเด็น อาร์ซาออก โดยส่งเปโดรลงมาทำเกมแทน รวมถึงจอห์น เทอร์รี่ ที่ถูกแทนด้วยเคิร์ท ซูม่าในนาทีที่ 72 ก่อที่ในอีกหนึ่งนาทีถัดมาสกอร์จะขยับเป็น 0-2 จากจังหวะปั่นฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษของวิลเลี่ยนเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นอีกครั้งที่ตัวรุกชาวบนราซิลทำประตูได้จากจังหวะฟรีคิก
สกอร์บอร์ดเปลี่ยนอีกครั้งในนาทีที่ 77 จากการทำประตูของออสก้าร์ ที่โหม่งลูกเปิดสุดสวยของบาบ้า ราห์มันจากริมเส้นด้านซ้ายเข้าไปในระยะเผาขน ทีมเยือนทิ้งห่างและเริ่มเล่นปิดเกม
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 91 คราวนี้เป็นออสก้าร์ทำแอสซิสต์บ้างจากการเปิดลูกเตะมุมไปบริเวณเขตโทษ ก่อนที่ซูม่าจะโถมเข้าดหม่งเต็มศรีษะ บอลแฉลบเท้านายประตูราจโควิชเล็กน้อยก่อนเข้าประตูไป
จบเกม เชลซีบุกมาถล่มมัคคาบี้ เทล อาวีฟไปอย่างสวยหรู 0 ประตูต่อ 4 คะแนนเพิ่มเป็น 10 คะแนน ขยับขึ้นมาเป็นทีมอันดับหนึ่งของกลุ่มจี แต่ยังต้องลุ้นต่อในนัดสุดท้ายเพราะปอร์โต้เปิดบ้นาพ่ายให้กับดินาโม เคียฟ 0-2 ทำให้แต้มยังคงสูสีและมีโอกาสเข้ารอบตกรอบกันทั้ง 3 ทีม