ฟุตบอลยูโร 2016 รอบ 16 ทีมคู่สุดท้าย ระหว่าง อังกฤษ พบ ไอซ์แลนด์ ที่สนาม"อัลลิอันซ์ ริเวย์รา" ในเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้จัดการทีมสิงโตคำรามจัดทัพในระบบ 4-3-3 เวย์น รูนีย์ ยังคงลงเล่นเป็นกองกลางร่วมกับ เอริค ไดเออร์ และ เดเล อัลลี ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี เคน และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงเป็นสามประสานในแดนหน้า
ด้าน ลาร์ส ลาเกอร์บัค เทรนเนอร์ไอซ์แลนด์ยึดแผน 4-4-2 เช่นเดิม โดยมี กิลฟี ซิเกิร์ดส์สัน และ โคลเบน ซิกธอร์สสัน เป็นตัวทีเด็ดในการทำเกมรุก
เริ่มเกมได้เพียง 3 นาที ทีมชาติอังกฤษได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ถูก ฮานเนส ฮอลดอร์สัน ผู้รักษาประตูไอซ์แลนด์รวบล้มลงในเขตโทษ ก่อนเป็น เวย์น รูนีย์ สังหารช่วยทีมออกนำ 1-0
2 นาทีต่อมา ไอซ์แลนด์ตามตี เสมอแบบทันควัน 1-1 จากลูกทุ่มไกลเข้าเขตโทษ คารี อาร์นาสัน ปราการหลังที่เติมขึ้นมาโหม่งเสยต่อให้ แร็กนา ซิเกิร์ดสัน คู่ขาในแนวรับชาร์จจ่อๆเข้าไป
นาที 18 ไอซ์แลนด์ทำ ช็อคแฟนบอลเมืองผู้ดีหลังพลิกขึ้นนำ 2-1จากจังหวะที่ โคลเบน ซิกธอร์สสัน บรรจงแปด้วยขวาจากหน้าเขตโทษ โจ ฮาร์ท ปัดบอลไม่ออกไหลเข้าประตูไป
อังกฤษ พยายามโหมบุกหนักหวังทวงประตูคืนและมาได้ลุ้นในนาทีที่ 28 แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เปิดเข้าเขตโทษให้ แฮร์รี เคน วอลเลย์สวนตูมเดียวแบบไม่ต้องจับ แต่ฮอลดอร์สันยังโชว์ซูเปอร์เซฟบินปัดไว้ได้ จบครึ่งแรกไอซ์แลนด์นำ 2-1
เข้า สู่ครึ่งหลังเป็นอังกฤษที่สกอร์ยังตามหลังอยู่ ต้องรีบตัดสินใจแก้เกมทันทีด้วยการถอดกองกลางตัวรับอย่าง เอริค ไดเออร์ ออกไปแล้วส่ง แจ็ค วิลเชียร์ ลงมาแทนเพื่อเน้นเกมรุกมากขึ้น หวังตีเสมอให้ได้เร็วที่สุด ก่อนจะตามด้วยการส่ง เจมี วาร์ดี้ ลงมาแทน สเตอร์ลิง ในนาทีที่ 60
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นอังกฤษที่พยายามครอง บอลบุกหนักเพื่อหวังตีเสมอให้ได้ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับอันแน่นหนาของไอซ์แลนด์ได้เลย ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นไอซ์แลนด์ที่พลิกล็อคเฉือนชนะไปหวุดหวิด 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับทีมเจ้าภาพอย่างฝรั่งเศสต่อไป