พรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) - แอต.มาดริด (สเปน)

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 3 พ.ค. 2559 05:14:52 น. เข้าชม 995 ครั้ง แจ้งลบ

แอตเลติโก โซไซตี้,ฟุตบอล,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก,บาเยิร์น มิวนิค,แอต.มาดริด

แม้เกมแรก "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค จะบุกไปพลาดท่าปราชัยมาก่อน แต่เกมนี้เตรียมจัดหนักโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวเก่งพร้อมลงขุดสกอร์ เกมเปิดบ้านรับ "ตราหมี" แอต.มาดริด ที่ยังไว้วางใจ เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงลั่นไกย้ำชัยเพื่อกุยทางเข้ารอบ ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันอังคารที่ 3 พ.ค. ศกนี้

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม 2559
บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) - แอต.มาดริด (สเปน)
(ผลนัดแรก แอต.มาดริด ชนะมา 1-0)
ถ่ายทอดสด
: ทรูโฟร์ยู, ทรูสปอร์ต 1, บีอิน สปอร์ตส์, (เวลา: 01.45 น.)


สนาม : อารีน่า มึนเช่น, (มิวนิค, เยอรมัน)

        "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมของเมืองเบียร์ ออกไปเสียท่ามาก่อน 0-1 ในรอบตัดเชือก นัดแรก เกมนี้ได้กลับมาเฝ้ารังต้องพยายามเอาชนะคืนให้ได้บ้าง

        เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์คนดังชาวสเปนของบาเยิร์น มิวนิค ต้องขาด อาร์เยน ร็อบเบน ปีกชาวดัตซ์ และ โฮลเกอร์ บาดชตูเบอร์ ปราการหลังตัวเก่งที่บาดเจ็บโคนขาหนีบและข้อเท้าตามลำดับ

        อย่างไรก็ตามได้ตัว เยโรม บัวเต็ง เซนเตอร์ฮาล์ฟร่างยักษ์วัย 27 ปี ทีมชาติเยอรมัน หายจากอาการเจ็บโคนขาหนีบกลับมาลงตัวจริงในเกมกับ มึนเช่นกลัดบัค แล้ว ซึ่งเป็นการลงนัดแรกตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ คิงส์เล่ย์ โกมัน กองกลางดาวรุ่งวัยแค่ 19 ปี ชาวฝรั่งเศส ฟิตกลับมาเช่นเดียวกับ เซบาสเตียน โรเด้อ ที่หายป่วยกลับมาลงเล่นเกมเมื่อวันเสาร์ทั้งคู่

        ในแดนกลางวาง อาร์ตูโร่ วิดาล คุมเกมกับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ส่วนสามประสานแดนหน้าเรียก โธมัส มุลเลอร์ กลับมาเป็นตัวจริงลงล่าตาข่ายร่วมกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ดั๊กลาส คอสต้า

        สลับมาดูทาง "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ของเทรนเนอร์ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ สถานการณ์เวลานี้ได้เปรียบอยู่เล็กน้อย จากชัยชนะนัดแรกที่เปิดบ้านเชือด บาเยิร์น 1-0 จากประตูชัยของ ซาอูล ญิเกซ

        เกมลีกล่าสุด ก็เปิดบ้านเฉือน ราโย บาเยกาโน่ 1-0 จากประตูเดียวของ อ็องตวน กรีซมันน์ ที่เป็นตัวสำรอง ทำให้ ตราหมี ยังมีแต้มเท่าจ่าฝูง บาร์เซโลน่า ที่ 85 คะแนนเท่าเดิม

        ซิเมโอเน่ จะกลับมาคุมทีมข้างสนามตามปกติ หลังจากเกมลีกถูกแบนห้ามคุมข้างสนาม 3 นัด เริ่มนัดแรกไปตั้งแต่เกมกับ ราโย บาเยกาโน่

        สภาพทีมได้ ติอาโก้ เมนเดส กองกลางชาวโปรตุกีส หายเจ็บกลับมาซ้อมแล้วและมีชื่ออยู่ในโผ 23 ขุนพลของตราหมีที่บุกเมืองมิวนิคด้วย

        ส่วน ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ ปีกชาวเบลเยี่ยมหายเจ็บข้อเท้า และ ดีเอโก้ โกดิน ปราการหลังจอมแกร่งชาวอุรุกวัย หายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา กลับมาฝึกซ้อมได้แล้วและทั้งสองคนพร้อมจะลงสนามในเกมเยือน บาเยิร์น มิวนิค

        ห้องเครื่องของทีมส่ง ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ และ โกเก้ ปั้นเกมสนับสนุนคู่กองหน้าทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์ กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส เข้าถล่มประตู  


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ - ฆาบี มาร์ตีเนซ, เยโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), อาร์ตูโร่ วิดาล, ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฆวน เบร์นาต - โธมัส มุลเลอร์, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ดั๊กลาส คอสต้า

        แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค - ฆวนฟราน ตอร์เรส, โฮเซ่ คีเมเนซ, ดีเอโก้ โกดิน (สเตฟาน ซาวิช), ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ - ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ, โกเก้ - อ็องตวน กรีซมันน์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

        ผู้ตัดสิน : คูเนย์ต ซาคีร์ (ตุรกี)

 


ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- 69% ของทีมที่ชนะในบ้าน 1-0 นัดแรกของรอบน็อกเอาต์ ชปล. เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบ (20 จาก 29 เกม)
- คู่นี้เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว จากเกมยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1974 ซึ่งยักษ์ใหญ่จากแคว้นบาวาเรียชนะ 4-0 ในนัดแข่งใหม่ หลังเสมอ 1-1 (หลังต่อเวลาพิเศษ) ในเกมแรก
- แอต.มาดริด ผ่านเข้ารอบตลอด 6 ครั้งหลังที่พบทีมจากเยอรมันในรอบน็อกเอาต์ ถ้วยยุโรป โดย ดินาโม เดรสเดรน เป็นทีมล่าสุดที่เขี่ยพวกเขาตกรอบ ในยูฟ่า คัพ รอบแรก ฤดูกาล 1979-80
- แอต.มาดริดผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ / ชปล. 2 ครั้ง (1974 และ 2014) แต่ได้รองแชมป์ทั้งหมด
- ขณะเดียวกัน บาเยิร์นผ่านเข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ 10 ครั้ง มากเป็นอันดับ 3 รองจากเรอัล มาดริด (13 ครั้ง ก่อนฤดูกาลนี้) และเอซี มิลาน (11)
- บาเยิร์น มิวนิคชนะรวด 11 เกมหลังสุดในบ้านรายการนี้ โดยยิงได้ 41 ประตูและเสียแค่ 6 ลูก ถ้าชนะเกมนี้อีก จะเป็นการทาบสถิติชนะติดต่อกันในบ้านที่แมนฯ ยูไนเต็ดทำไว้ 12 นัด
- ทีมสุดท้ายที่ไม่แพ้บาเยิร์นที่อัลลิอันซ์ในชปล. คือ เรอัล มาดริด เมื่อเมษายน 2014 (0-4)
- บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้ารอบรองชปล.เป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ฤดูกาลหลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาโดนเขี่ยตกรอบนี้ใน 2 ซีซั่นหลังสุดโดยสโมสรจากสเปน (เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2013-14 และบาร์เซโลน่า 2014-15)
- บาเยิร์นคว้าแชมป์ครั้งล่าสุด ในการเล่นที่มิลาน เมื่อปี 2001 (เสมอบาเลเนซีย 1-1 หลังต่อเวลา ก่อนชนะจุดโทษ 5-4)
- บาเยิร์น ทำคลีนชีตได้แค่ครั้งเดียวจาก 5 เกมชปล.รอบน็อกเอาต์ ฤดูกาลนี้ (1-0 เหนือเบนฟิก้า รอบก่อนรองฯ นัดแรก) น้อยที่สุดในบรรดา 4 ทีมที่เหลืออยู่
- ขณะเดียวกัน แอต.มาดริดทำ 15 คลีนชีตจาก 20 เกมชปล.หลังสุด รวมถึง 4 จาก 5 เกมรอบน็อกเอาต์ฤดูกาลนี้
- แอต.มาดริดชนะรวด 2 เกมหลังสุดในชปล. รอบน็อกเอาต์ หลังจากไม่ชนะ 5 เกมก่อนหน้านั้น (เสมอ 3 แพ้ 2)
- ในบรรดา 4 ทีมรอบตัดเชือก แอต.มาดริดเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ได้ประตูจากนอกเขตโทษ
- เป็ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมผ่านเข้ารอบรองฯ ชปล. ตลอด 7 ฤดูกาลที่คุมทม แต่ร่วงตกรอบนี้ตลอด 3 ครั้ง โดยหนล่าสุดที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2010-11 สมัยคุมบาร์เซโลน่า (ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1)
- โธมัส มุลเลอร์ ทำ 15 ประตูจาก 17 เกมชปล.หลังสุดที่เป็นตัวจริง
- โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงไม่ได้ 3 เกมหลังสุดในชปล. เป็นผลงานยิงไม่ได้นานสุดนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค
- อาร์ตูโร่ วิดาล ยิง (2) และแอสซิสต์ (1) ถึง 3 จาก 4 ประตูหลังสุดของบาเยิร์นในรายการนี้
- ซาอูล ญีเกซ มีส่วนร่วมโดยตรง 50% จาก 6 ประตูหลังสุดในชปล.ของแอต.มาดริด (2 ประตู 1 แอสซิสต์)