พรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : แอตเลติโก มาดริด (สเปน) - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 เม.ย. 2559 08:59:01 น. เข้าชม 998 ครั้ง แจ้งลบ

แอตเลติโก โซไซตี้,ฟุตบอล,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก,แอต.มาดริด,บาเยิร์น มิวนิค

"ขุนพลตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ยอดทีมจากลีกกระทิงดุเตรียมส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงฟอร์มร้อนลงปิดสกอร์ เกมรับการมาเยือนของ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ที่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ พร้อมล่าตาข่าย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก) คืนวันพุธที่ 27 เม.ย. ศกนี้

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
วันพุธที่ 27 เมษายน 2559
แอตเลติโก มาดริด (สเปน) - บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)
ถ่ายทอดสด
: บีอิน สปอร์ตส์, (เวลา: 01.45 น.)


สนาม : เอสตาดิโอ บีเซนเต้ กัลเดร่อน, (มาดริด, สเปน)

        "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เดินหน้าคว้าชัยต่อเนื่องเป็นนัดที่ 5 แถมไม่เสียประตูเลย ล่าสุดเปิดบ้านเฉือนชนะ มาลาก้า 1-0 ทำให้เก็บแต้มทาบ บาร์เซโลน่า บนตารางลา ลีกา ต่อไป

        ส่วนในถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก นั้น "ตราหมี" ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งที่ 2 จาก 3 ปีล่าสุด โดยเขี่ย บาร์เซโลน่า เพื่อนร่วมชาติตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวมสองนัด 3-2

        สภาพทีมเกมนี้ ตราหมี ได้ตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก๋าพ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวจริงในแดนหน้าอีกครั้ง ทว่ารายของ กาบี เฟร์นานเดซ, โกเก้ และ อังเคล คอร์เรอา ต้องลงเล่นอย่างระมัดระวังตัวหน่อย หลังโดนคาดโทษใบเหลืองอยู่ในเวลานี้

        ขณะที่ ดีเอโก้ โกดิน ปราการหลังทีมชาติอุรุกวัย ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อขาขวาต้องราว 2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับ โอลีเบร์ ตอร์เรส กับ ติอาโก้ เมนเดส ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์

        ตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ ยาน โอบลัค เฝ้าเสา พร้อมได้ โฮเซ่ คีเมเนซ ยืนปักหลักเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ

        ขุมกำลังในแดนกลางวาง ซาอูล ญีเกซ, โกเก้, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม) และ เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ ปั้นเกมสนับสนุนคู่หน้าทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์ กับ เฟร์นานโด ตอร์เรส เข้าสังหารประตู

        สลับมาดู "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยอดทีมของเยอรมัน อยู่ภายใต้การคุมทีมของโจเซป กวาร์ดิโอล่า นำทัพบุกชนะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-0 เก็บชัยเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกันในบุนเดสลีกา นำหน้า ดอร์ทมุนด์ ทีมอันดับสองอยู่ 7 คะแนน เมื่อเหลืออีก 3 นัด

        สำหรับรายการนี้ บาเยิร์น มิวนิค กรุยทางสู่รอบตัดเชือกติดต่อกันเป็นที่ 5 แล้ว หลังเฉือนชนะ เบนฟิก้า ด้วยประตูรวมสองนัด 3-2 แต่สถิติในการเจอกับทีมจากสเปน ถือว่าไม่น่าประทับใจ หลังจากโดน เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศใน 2 ปีล่าสุด

        ความเคลื่อนไหวล่าสุดไม่มี โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ และ อาร์เยน ร็อบเบน ที่ต้องพักรักษาตัวต่อไป ส่วน เยโรม บัวเต็ง ปราการหลังที่เพิ่งหายเจ็บโคนขาหนีบ กลับมาซ้อมเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนเต็มนั้นมีชื่อติดทีมมาด้วย แต่เต็มที่คงเป็นแค่สำรองเท่านั้น

        นอกจากนั้นรอเช็คความฟิตของ คิงส์เลย์ โกม็อง มิดฟิลด์ตัวรุกวัย 19 ปี ชาวฝรั่งเศส ที่มีอาการบาดเจ็บต้นขา และ เซบาสเตียน โรเด้อ กองกลางวัย 25 ปี ที่มีอาการป่วย

        ห้องเครื่องของทีมได้ ชาเบียร์ อลอนโซ่ ลงมาตัดเกม เปิดทางให้กับ ดั๊กลาส คอสต้า, โธมัส มุลเลอร์, อาร์ตูโร่ วิดาล และ ฟร๊องก์ ริเบรี่ ช่วยกันปั้นเกมให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเก่งวัย 27 ปี ทีมชาติโปแลนด์ เข้าทำประตู


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        แอตเลติโก มาดริด : ยาน โอบลัค - ฆวนฟราน ตอร์เรส, โฮเซ่ คีเมเนซ, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, ฟิลีเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ - โกเก้, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ, ซาอูล ญีเกซ - อ็องตวน กรีซมันน์, เฟร์นานโด ตอร์เรส

        บาเยิร์น มิวนิค : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), ฆาบี มาร์ตีเนซ, โจชัว คิมมิช, ดาวิด อลาบา - ชาเบียร์ อลอนโซ่- ดั๊กลาส คอสต้า, โธมัส มุลเลอร์, อาร์ตูโร่ วิดาล, ฟร๊องก์ ริเบรี่ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        ผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก (อังกฤษ)

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- คู่นี้เคยเจอกันแค่ครั้งเดียว จากเกมยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 1974 ซึ่งยักษ์ใหญ่จากแคว้นบาวาเรียชนะ 4-0 ในนัดแข่งใหม่ หลังเสมอ 1-1 (หลังต่อเวลาพิเศษ) ในเกมแรก
- แอต.มาดริด ผ่านเข้ารอบตลอด 6 ครั้งหลังที่พบทีมจากเยอรมันในรอบน็อกเอาต์ ถ้วยยุโรป โดย ดินาโม เดรสเดรน เป็นทีมล่าสุดที่เขี่ยพวกเขาตกรอบ ในยูฟ่า คัพ รอบแรก ฤดูกาล 1979-80
- แอต.มาดริดผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศชปล./ยูโรเปี้ยน คัพ เป็นสมัยที่ 5 ขณะที่นี่เป็นครั้งที่ 18 ของบาเยิร์น ที่ผ่านถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย มีเพียงเรอัล มาดริดที่ทำได้มากกว่า (27)
- บาเยิร์น เป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในชปล. ฤดูกาลนี้ (28 ประตู) และยิงได้มากกว่าแอต.มาดริด 2 เท่า (14)
- บาเยิร์นผ่านบอลสำเร็จมากกว่าแอต.มาดริด 2,392 ครั้งในชปล.ฤดูกาลนี้ เป็นระยะห่างมากที่สุดในรอบตัดเชือก รายการนี้
- แอต.มาดริดชนะแค่ครั้งเดียวจาก 6 เกมชปล.หลังสุดที่เล่นรอบน็อกเอาต์ (เสมอ 3 แพ้ 2) ซึ่งมาจากชัยชนะเหนือบาร์เซโลน่าในรอบที่แล้ว (2-0)
- อย่างไรก็ตาม แอต.มาดริดชนะ 12 จาก 16 เกมชปล.ที่กัลเดร่อน ในยุคของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (เสมอ 3 แพ้ 1)
- แอต.มาดริดทำคลีนชีต 13 จาก 15 เกมหลังสุดในชปล.ที่กัลเดร่อน โดย กอนซาโล่ กูเอเดส ของเบนฟิก้าเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่ยิงผ่าน แยน โอบลัค ที่รังตราหมี เมื่อ 429 นาทีมาแล้ว
- ในบรรดา 4 ทีมรอบตัดเชือก แอต.มาดริดเป็นทีมเดียวที่ยังไม่ได้ประตูจากนอกเขตโทษ
- บาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้ารอบรองชปล.เป็นครั้งที่ 6 จาก 7 ฤดูกาลหลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาโดนเขี่ยตกรอบนี้ใน 2 ซีซั่นหลังสุด (เรอัล มาดริด ฤดูกาล 2013-14 และบาร์เซโลน่า 2014-15)
- บาเยิร์นคว้าแชมป์ครั้งล่าสุด ในการเล่นที่มิลาน เมื่อปี 2001 (เสมอบาเลเนซีย 1-1 หลังต่อเวลา ก่อนชนะจุดโทษ 5-4)
- บาเยิร์นไม่ชนะใน 7 เกมเยือนหลังสุดในชปล. รอบน็อกเอาต์ (เสมอ 4 แพ้ 3)
- เป็ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมผ่านเข้ารอบรองฯ ชปล. ตลอด 7 ฤดูกาลที่คุมทม แต่ร่วงตกรอบนี้ตลอด 3 ครั้ง โดยหนล่าสุดที่พาทีมเข้าชิงชนะเลิศ เกิดขึ้นในฤดูกาล 2010-11 สมัยคุมบาร์เซโลน่า (ชนะแมนฯ ยูไนเต็ด 3-1)
- โธมัส มุลเลอร์ ทำ 15 ประตูจาก 17 เกมชปล.หลังสุดที่เป็นตัวจริง
- โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงไม่ได้ 7 จาก 8 เกมชปล.หลังสุดที่เล่นนอกบ้าน
- ถ้า ดาวิด อลาบา เล่นเกมนี้ จะเป็นเกมที่ 50 ของเขาในชปล. มากกว่าผู้เล่นออสเตรียทุกคน
- อ็องตวน กรีซมันน์ ทำ 6 ประตูในชปล. ฤดูกาลนี้ (ยิงเบิ้ล 3 นัด) โดยเขามีส่วนร่วม 50% จากประตูทั้งหมดของแอต.มาดริด (7 จาก 14 ประตู) โดยยิง 6 แอสซิสต์ 1
- ดีเอโก้ โกดิน ตัดบอล (32) และเคลียร์บอล (59) มากกว่ากองหลังรายอื่นในชปล.ฤดูกาลนี้