ประวัติศาสตร์หน้าใหม่! เรือเชือดปารีสฯ ในบ้าน 1-0(3-2) ทะลุตัดเชือกหนแรก

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 13 เม.ย. 2559 09:51:25 น. เข้าชม 918 ครั้ง แจ้งลบ


เควิน เดอ บรอยน์เป็นฮีโร่ยิงประตูโทนพาเรือใบสีฟ้าเฉือนเปเอสเช 1-0 พาทีมกรุยทางสู่รอบรองฯ UCL ได้สำเร็จ

มานูเอล เปเยกรินียึดผู้เล่นชุดเดิมจากนัดก่อนที่บุกไปเสมอมาที่ปารีส 2-2 โดยสองกองกลางที่ช่วยกันทำคนละหนึ่งประตูได้ในเกมก่อนอย่างเดอ บรอยน์และเฟอร์นันดินโญยังยืนในแผงมิดฟิลด์เช่นเคย และมีอเกวโรรับบทหน้าเป้าล่าประตู

ทีมเยือนของโรลองต์ บลองก์ มาในระบบ 3-5-2 โดยการติดโทษแบนของดาวิด หลุยซ์ทำให้ต้องปรับมาใช้หลังสามตัว ออริเยร์ถูกจับมายืนเซ็นเตอร์แบ็ค แล้วแม็กซ์เวลล์กับฟาน เดอ วีลถูกดันไปรับบทวิงแบ็คทั้งสองฝั่ง แดนหน้าซลาตัน อิบราโมวิชยังลงเป็นตัวจริงเช่นเคย

เริ่มเกมมาในช่วงต้น ทั้งสองทีมยังคงสูสีกันอย่างมาก โดยบอลส่วนใหญ่อยู่บริเวณแดนกลางของสนาม จังหวะยิงแทบไม่มีกันเลย

อิบราฮิโมวิชได้โอกาสได้ยิงฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษระยะประมาณ 25 หลาในนาทีที่ 17 บอลพุ่งกำลังจะมุดโค้งลงใต้คาน แต่ฮาร์ทยังพุ่งปัดออกหลังไปได้

นาทีที่ 22 เดอ บรอยน์จ่ายทะลุช่องทางซ้ายให้อเกวโรหลุดไปแล้วได้ยิงมุมแคบ แต่บอลหลุดเสาออกหลังไป รวมถึงนาทีต่อมาที่กองหน้าอาร์เจนไตน์ยิงไกลหลุดเสาสองไปนิดเดียว

เจ้าบ้านมาได้จุดโทษในนาทีที่ 30 โดยการหลุดเดี่ยวของอเกวโรก่อนแตะหลบนายทวารแล้วโดนแทรปป์รวบล้มลง กองหน้าร่างเล็กรับหน้าที่ยิงเอง แต่แปเรียดหลุดเสาด้านขวาไปอย่างเหลือเชื่อ ทีมเยือนรอดตัวไป

ช่วงท้ายเกมกลับมาอึดอัดอีกครั้ง และเปเอสเชต้องเสียกองกลางตัวหลักอย่างม็อตต้าไปด้วยอาการบาดเจ็บ ลูคัส มูราลงมาเล่นแทน ก่อนจะหมดเวลาไปใน 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี้ยังคงเสมออยู่กับเปเอสเช 0-0

เริ่มครึ่งหลังได้เพียงสองนาที ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ อิบราฮิโมวิชรับหน้าที่ยิงเหมือนเดิม บอลพุ่งต่ำโค้งอ้อมกำแพงอย่างแรง แต่โจ ฮาร์ทยังยอดเยี่ยมล้มตัวปัดออกไปได้

นาทีที่ 53 เปเอสเชสามารถส่งบอลเข้าประตูไปได้แล้ว จากการหลุดมาทางซ้ายของแม็กซ์เวลล์แล้วผ่านบอลมาเสาสองให้ลูคัสยิงเข้าไป แต่ไลน์แมนยกธงตั้งแต่จังหวะเติมขึ้นมาของแบ็คซ้ายชาวบราซิลไปก่อนแล้ว
ติอาโก้ ซิลวาได้โขกเหน่งๆ ในนาทีที่ 65 จากการเปิดลูกเตะมุมเข้ามา บอลจากศรีษะกองหลังกัปตันทีมกระดอนพื้นหนึ่งจังหวะแต่ไปตรงตัวฮาร์ทปัดข้ามคานออกไปได้

นาทีที่ 76 ทีมเรือใบมาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะทำเกมป้วนเปี้ยนไปมาหน้าประตูคู่แข่งอยู่นาน ก่อนสุดท้ายกองกลางเบลเยียมจะปั่นโค้งจากหน้าหัวกะโหลกเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม เจ้าบ้านนำ 1-0 ผมรวมสองนัด 3-2

ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ทีมเยือนพยายามทำเกมขึ้นมามากขึ้น และมีจังหวะส่งบอลเข้าประตูของอิบราฮิโมวิช แต่ถูกจับเป็นลูกล้ำหน้าอีกครั้ง ส่วนเจ้าบ้านแพ็คเกมแน่นแล้วอาศัยการโต้กลับที่สร้างโอกาสได้หลายต่อหลายครั้งเช่นกัน แต่สุดท้ายเกมจบลง 90 นาทีเต็ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกของสโมสรด้วยการเอาชนะไป 1-0 ผลรวม 3-2 ส่งปารีส แซงต์ แชร์กแมงตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน