โพสต์โดย : Admin เมื่อ 13 เม.ย. 2559 09:00:58 น. เข้าชม 812 ครั้ง แจ้งลบ
ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง)
วันพุธที่ 13 เมษายน 2559
แอต.มาดริด (สเปน) - บาร์เซโลน่า (สเปน)
(ผลนัดแรก บาร์เซโลน่า ชนะ 2-1)
ถ่ายทอดสด: ทรูโฟร์ยู, บีอิน สปอร์ตส์, (เวลา: 01.45 น.)
สนาม: เอสตาดิโอ บีเซนเต้ กัลเดร่อน, (มาดริด, สเปน)
เกร็ดที่น่าสนใจของคู่นี้ ทาง บาร์เซโลน่า ชนะรวด 7 ครั้งหลังสุดที่ดวลแอต.มาดริดในทุกรายการ ขณะเดียวกัน 3 เกมที่เจอกันในฤดูกาลนี้จบลงด้วยสกอร์เดียวกันทั้งหมด โดยแอต.มาดริด ยิงนำก่อน แต่บาร์ซ่า แซงชนะ 2-1 ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ครั้งเดียวที่เจอกันในถ้วยยุโรปก่อนหน้านี้ แอต.มาดริด เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 2-1 ในชปล. รอบ 8 ทีมสุดท้าย ของฤดูกาล 2013-14 โดยชัยชนะ 1-0 ของแอต.มาดริด ที่บีเซนเต้ กัลเดร่อน เมื่อเมษายน ปี 2014 (นัดสอง) เป็นครั้งล่าสุดที่พวกเขาชนะบาร์ซ่า
ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์คนดังชาวอาร์เจนไตน์ พาทีมแอต.มาดริด ออกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 1-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแรก อย่างน่าเสียดาย ทั้งที่นำก่อน 1-0 ส่วนในลีกล่าสุด "ตราหมี" บุกชนะ เอสปันญ่อล 3-1 ลดช่องว่างจาก "เจ้าบุญทุ่ม" จ่าฝูง เหลือแค่ 3 แต้มแล้ว
ความพร้อมล่าสุด แอต.มาดริด ต้องปราศจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าตัวเก่งที่ทำประตูบาร์ซ่า ได้ในเกมนัดแรก ต้องติดโทษแบน 1 นัด หลังจากโดนใบเหลือง-แดง ไล่ออกในเกมดังกล่าว
นอกจากนั้นไม่มี ติอาโก้ เมนเดส ที่เจ็บขา รวมทั้งรอเช็คสภาพร่างกายของ โฮเซ่ มาเรีย คีเมเนซ (เอ็นหลังหัวเข่า) และ สเตฟาน ซาวิช (นิ้วเท้า) โดยสองรายหลังกลับมาซ้อมแล้ว แต่เต็มที่คงมีชื่อเป็นเพียงแค่สำรองเท่านั้น
ในรายของโอลีเบร์ ตอร์เรส ต้องระวังตัวไม่ให้โดนใบเหลืองเพิ่ม หลังถูกคาดโทษในเวลานี้ โดยตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ ยาน โอบลัค ลงเฝ้าเสาตามปกติ
แนวรับวาง ฆวนฟราน ตอร์เรส, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, ดีเอโก้ โกดิน และ ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ ลงประจำการ
ขุมกำลังในแดนกลางวาง ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม) และ โกเก้ ลงมาทำเกม ส่วนสามประสานแดนหน้าส่ง อ็องตวน กรีซมันน์, อังเคล คอร์เรอา และ ยันนิก แฟร์เรยร่า การาสโก้ ลงล่าตาข่าย
สลับมาดู "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ เริ่มเสียวสันหลังในการล่าแชมป์ ลา ลีกา เสียแล้วหลังปราชัยมา 2 นัดติด ล่าสุดพ่ายออกไปแพ้ เรอัล โซเซียดาด 0-1 ทำให้โดน "ตราหมี" ขยับช่องว่างมาเหลือเพียง 3 คะแนนแล้ว และ นำหน้า เรอัล มาดริด คู่ปรับตัวฉกาจแค่ 4 แต้ม เมื่อผ่านมา 32 นัด
ส่วนผลงานในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เปิดบ้านเฉือนชนะ แอตเลติโก มาดริด มาได้หวุดหวิด 2-1 โดยสภาพทีมเกมนี้ได้ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงตัวเก่งทีมชาติอุรุกวัย พ้นโทษแบนจากเกมลีกกลับมาช่วยทีม
ขณะที่ ราฟินญ่า ซึ่งเร่งเรียกฟิตกลับมาคืนสนามในเกมล่าสุด ดันเจ็บโคนขาหนีบซ้าย ต้องพักหลายเดือน ด้าน โธมัส แฟร์มาเล่น ปราการหลังชาวเบลเยี่ยมวัย 30 ปี บาดเจ็บน่องขวา ชวดบู๊เช่นเดียวกับ ซานโดร รามีเรซ และ เฌเรมี่ มาติเยอ ซึ่งเจ็บอยู่ก่อนแล้ว พร้อมรอเช็คความฟิตของ อเล็กซ์ บีดาล ที่เจ็บโคนขาหนีบ
ตำแหน่งผู้รักษาประตูให้ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น ลงเฝ้าเสาเป็นตัวจริงเหมือนทุกเกมในรายการนี้ พร้อมได้ความช่วยเหลือจาก ดาเนียล อัลเวส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, เคราร์ด ปีเก้ และ จอร์ดี้ อัลบา ลงช่วยเกมรับ
ขยับมาดูแดนกลางวาง อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ
อันเดรส อิเนียสต้า ลงมาคุมเกม สามประสานแดนหน้าจัดจ้านอันตรายสุดขั้วทั้ง
ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์
โดยรายของ เมสซี่ ที่กำลังลุ้นประตูที่ 500 ในอาชีพค้าแข้งของตัวเองนั้น
ยิงประตูไม่ได้มา 362 นาทีแล้ว (จากทุกรายการ)
ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของเจ้าตัวในรอบห้าปีเลยทีเดียว
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม
แอต.มาดริด: ยาน โอบลัค - ฆวนฟราน ตอร์เรส, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, ดีเอโก้ โกดิน, ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ - ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม),โกเก้ - อ็องตวน กรีซมันน์, อังเคล คอร์เรอา, ยันนิก แฟร์เรยร่า การาสโก้
บาร์เซโลน่า: มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น - ดาเนียล อัลเวส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, เคราร์ด ปีเก้, จอร์ดี้ อัลบา - อีวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อิเนียสต้า (กัปตันทีม) - ลีโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ, เนย์มาร์
ผู้ตัดสิน: นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- 52% ของทีมที่ชนะ 2-1 ในชปล. นัดแรกในบ้าน ผ่านเข้ารอบต่อไป (11 จาก 21 ทีม) รวมถึง 4 ครั้งหลังสุดด้วย
- บาร์เซโลน่าชนะรวด 7 ครั้งหลังสุดที่ดวลแอต.มาดริดในทุกรายการ
- 3 เกมที่เจอกันในฤดูกาลนี้ จบลงด้วยสกอร์เดียวกันทั้งหมด โดยแอต.มาดริดยิงได้ก่อน แต่บาร์ซ่าแซงชนะ 2-1 ทั้งหมด
- แอต.มาดริด โดนใบแดง 5 ใบจาก 5 เกมหลังสุดที่พบบาร์ซ่า ขณะที่ "เจ้าบุญทุ่ม" ไม่เคยได้รับแม้แต่ใบเดียวในช่วงดังกล่าว
- อย่างไรก็ตาม ครั้งเดียวที่เจอกันในถ้วยยุโรปก่อนหน้านี้
แอต.มาดริดเป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 2-1 ในชปล. รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ฤดูกาล 2013-14 โดยชัยชนะ 1-0 ของแอต.มาดริด ที่กัลเดร่อน เมื่อเมษายน 2014
(นัดสอง) เป็นครั้งล่าสุดที่พวกเขาชนะบาร์ซ่า
- ครั้งล่าสุดที่บาร์ซ่ายิงไม่ได้ในชปล. เกิดขึ้นเมื่อเมษายน 2014 จากเกมกับแอต.มาดริด ที่กัลเดร่อน (0-1)
- นัดแรกที่คัมป์ นู มีการแจกการ์ด 10 ใบ (9 ใบเหลือง 1 ใบแดง) มากที่สุดสำหรับเกมที่เล่น 90 นาทีในชปล. ฤดูกาลนี้
- แอต.มาดริดยิงเข้ากรอบ 2 ครั้งในนัดแรก (รวมถึงประตู) ก่อนใบแดงของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในนาทีที่ 35
- แอต.มาดริดยิงได้น้อยที่สุดในบรรดา 8 ทีมที่เหลืออยู่ (12 ประตูจาก 9 นัด)
- ดีเอโก้ ซิเมโอน่ ชนะ 11 จาก 15 เกมชปล. ที่คุมแอต.มาดริดเล่นในกัลเดร่อน (เสมอ 3 แพ้ 1)
- แอต.มาดริดเก็บคลีนชีต 12 จาก 14 เกมชปล.หลังสุดที่กัลเดร่อน
- บาร์ซ่าทำคลีนชีตได้แค่ครั้งเดียวจาก 13 เกมชปล./ยูโรเปี้ยน คัพ
ที่พบคู่แข่งจากสเปนด้วยกัน และมาจากเกมกับเรอัล มาดริด ที่เบร์นาเบว
เมื่อเมษายน 2011
- ขณะเดียวกัน แอต.มาดริด ไม่เคยยิงมากกว่า 1 ประตูใน 9 เกมชปล./ยูโรเปี้ยน คัพ ที่พบทีมจากสเปนด้วยกัน
- บาร์เซโลน่า ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ชปล. เป็นครั้งที่ 7 จาก 8
ฤดูกาลหลังสุด ยกเว้นเพียงฤดูกาล 2013-14 ที่ถูกเขี่ยรอบ 8 ทีมสุดท้ายโดย
แอต.มาดริด
- บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ชปล. 4 จาก 10 ฤดูกาลหลังสุด
และมีสิทธิ์กลายเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ เอซี มิลาน ที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน
คัพ/ชปล. 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 1989 และ 1990
- บาร์เซโลน่า เป็นทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ในชปล. ฤดูกาลนี้ โดยชนะ 18 จาก 22
เกมในรายการนี้นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (เสมอ 2 แพ้ 2) โดยยิงประตูได้ทั้ง
22 เกม
- แอต.มาดริด ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศแค่ครั้งเดียว นับตั้งแต่ปรับรูปแบบมาเป็นชปล.ในฤดูกาล 1992-93 (เข้าชิงในฤดูกาล 2013-14)
- กาบี เป็นคนทำแอสซิสต์ 3 ลูกของแอต.มาดริด ที่เล่นในกัลเดร่อน ถ้วยชปล.
- ลิโอเนล เมสซี่, หลุยส์ ซัวเรซ และ เนย์มาร์ ยิงประตูรวมกันถึง 44 จาก 53
ประตูหลังสุดในชปล.ของบาร์ซ่า นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (83%)
- ซัวเรซทำ 15 ประตูและ 6 แอสซิสต์จาก 17 เกมชปล.หลังสุด
- เมสซี่ทำ 25 ประตูจาก 28 เกมที่พบแอต.มาดริด เป็นคู่แข่งที่เขายิงได้บ่อยที่สุด (ร่วมกับเซบีย่า)
- อีวาน ราคิติช มีส่วนร่วม 4 จาก 6 ประตูที่บาร์ซ่าทำได้ในเกมนอกบ้าน ชปล. ฤดูกาลนี้ มากกว่าผู้เล่นคนอื่น